เป็นคำถามอันดับต้นๆ เกี่ยวกับเรื่องแผงโซลาร์เซลล์ที่ใช้ในครัวเรือนเพื่อช่วยประหยัดค่าไฟ เราจะมีวิธีเลือกยังไงดี ให้ติดแล้วเหมาะกับบ้านของเรา เพราะแต่ละบ้านมีการใช้ไฟฟ้าแตกต่างกันไป ทั้งยังต้องเลือกรูปแบบการติดตั้งให้ เหมาะอีกด้วย
InnovatorX เลยจะมาพูดถึงประเด็นด้านการเลือกสเปคของ Solar Rooftop สักหน่อย เพื่อให้บทความนี้เป็น แนวทางที่ช่วยตัดสินใจให้กับคนกำลังศึกษาหาข้อมูลเพิ่ม และมีความต้องการที่จะลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับ อากาศเพื่อลดค่าไฟได้มากขึ้น แต่การจะติดตั้งนั้น เรามาดูกันก่อนว่าอาคารแบบไหนหรือบ้านแบบไหนที่ติดตั้ง Solar Rooftop แล้วจะประหยัดค่าไฟได้คุ้มค่าแน่นอน
บ้านแบบไหนที่เหมาะกับการติด Solar Rooftop?
การใช้พลังงานไฟฟ้าที่ได้จากการติด Solar Rooftop บนหลังคานั้น เป็นการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่กักเก็บจากช่วง กลางวันแล้วแปรมาเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในช่วงกลางคืน ถ้าเทียบเป็นตัวเลขแล้วสถานที่ที่จะติดตั้งควรมีการใช้ ไฟฟ้าในปริมาณที่สูงเฉลี่ยมากกว่า 500 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ในระยะยาว
สำหรับกลุ่มนี้ ถ้าเจาะจงให้เห็นภาพมากขึ้น ได้แก่
กลุ่มเจ้าของบ้านพักอาศัยที่มีผู้อาศัยในบ้านตลอดทั้งวัน
กลุ่มเจ้าของบ้านที่ทำเป็นโฮมออฟฟิศหรือเป็นร้านค้าไปในตัว
กลุ่มเจ้าของบ้านที่มีการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างที่กินไฟเยอะ เปิดใช้งานเป็นเวลานานในแต่ละวัน
เรื่องที่ควรเช็คก่อนเลือกติดตั้ง Solar Rooftop
ถึงการใช้ Solar Rooftop จะดูน่าสนใจ แต่ก่อนที่จะเลือกซื้อนั้น ควรประเมินถึงปัจจัยเหล่านี้เพื่อตัดสินใจอีกที
1. มีพื้นที่ที่จะติดตั้งเพียงพอหรือไม่ : ควรให้ทีมช่างมาช่วยประเมินหน้างานก่อน เพื่อยืนยันว่าสามารถติดตั้งได้
2. พฤติกรรม และปริมาณการใช้ไฟฟ้าเป็นอย่างไร : เพื่อสำรวจว่าควรเลือกประเภท Solar Rooftop แบบไหน ที่เหมาะระหว่างระบบออนกริด (On-Grid System) ที่เหมาะกับอาคารที่ใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวัน หรือแบบระบบ ออฟกริด (Off-Grid System) ที่มีแบตเตอรี่ในการสำรองไฟฟ้าสำหรับไว้ใช้ในตอนกลางคืน เป็นต้น
3. งบประมาณในการติดตั้ง : โดยเฉลี่ยแล้วต้องมีอย่างน้อยขั้นต่ำ 100,000 บาท ต่อการติดตั้งแบบไม่เกิน 3 กิโลวัตต์ และ 150,000 บาท ต่อการติดตั้งแบบไม่เกิน 5 กิโลวัตต์
4. ความคุ้มค่าในการลงทุน : เมื่อลงทุนติดตั้งไปแล้ว ควรคำนวณจุดคุ้มทุนว่าใช้เวลากี่ปีถึงจะคืนทุนที่ติดตั้งมา อาจจะ 3-4 ปี หรือนานกว่านั้น หากมีการคำนวณไว้เบื้องต้นจะช่วยให้เราเลือกรุ่นของ Solar Rooftop ได้คุ้มค่า
5. ทิศทางของแสง ลม และความลาดเอียงที่จะติดตั้ง : หรือก็คือตัวทำเลของอาคารนั้นๆ ว่ามีผลกระทบหรือไม่ หากติดไปแล้ว จะโดนแดดจากอาคารอื่นมาบังแผงโซลาร์เซลล์หรือเปล่า หรือการหันทิศไปนั้นโดนแสงอาทิตย์มาก น้อยแค่ไหน ซึ่งมุมที่ติดตั้งได้ดีที่สุดในไทยคือ ทิศใต้
ข้อดีของการใช้ Solar Rooftop
1. ลดค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้า : เพราะ Solar Rooftop เปลี่ยนรังสีแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้า จึงลดค่าใช้จ่าย ในการใช้ไฟฟ้าจากกระแสไฟฟ้าสาธารณะที่ลดค่าไฟไปได้มากถึง 30-70% (ขึ้นอยู่กับปริมาณการติดตั้ง)
2. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นพลังงานสะอาด ไม่ก่อมลพิษ : เนื่องจากการใช้งานจากระบบพลังงานที่ใช้ เชื้อเพลิงที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมน้อยลงและยังสามารถใช้งานได้ใน ระยะยาว
3. ลดอุณหภูมิของอาคารให้เย็นลง : นอกจากผลิตพลังงานไฟฟ้ากลับมาใช้ได้แล้ว Solar Rooftop ยังสะท้อน ความร้อนที่ได้รับโดยตรงจากดวงอาทิตย์เปรียบเหมือนเป็นหลังคาอีกชั้นที่ลดความร้อนจากดวงอาทิตย์มาสู่ตัวอาคาร ทำให้ลดอุณหภูมิได้ประมาณ 3-5 °C
ปัจจัยที่บ่งบอกว่าอาคารของท่านเหมาะกับการติดตั้ง Solar Rooftop
ทีนี้มาดูกันต่อว่าติดแล้วจะคุ้มไหม และสัญญาณที่บ่งชี้ว่าบ้านของท่านควรติดตั้ง Solar Rooftop
ด้วยความที่เราจะต้องคำนวณค่าใช้จ่ายในการลงทุนติดตั้งและคาดการณ์ถึงการคืนทุนว่าจะต้องใช้ระยะเวลากี่ปี InnovatorX ขอสรุปเป็น 2 ปัจจัยที่เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าบ้านของเราจะใช้ Solar Rooftop ได้คุ้มค่า
1. เป็นบ้านที่อยู่ในทิศทางของแสงแดด : การดูทำเลติดตั้งเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อลงทุนไปแล้ว Solar Rooftop จะต้องติดตั้งบนหลังคาที่มีแสงแดดส่องถึงอย่าง น้อย 4-5 ชั่วโมง/วัน ขึ้นไป โดยไม่มีเงาจากสิ่งแวดล้อมอื่นๆ มาบดบังแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อให้เก็บพลังงานจากแสง ดวงอาทิตย์ทำได้เต็มประสิทธิภาพ
2. มีการใช้ไฟฟ้าในตอนกลางวันที่เยอะกว่าตอนกลางคืน : หากมีการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวันมาก ระยะเวลาในการคุ้มทุนจะเร็วขึ้น เพราะติด Solar Rooftop ไว้เก็บพลังงาน แสงอาทิตย์มาผลิตเป็นไฟฟ้าไว้ใช้เอง ทำให้ช่วยประหยัดค่าไฟมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีระยะเวลาคืนทุนอยู่ที่ 6 ปี คิดจากเงินลงทุนติดตั้งระบบ ประมาณ 40,000-45,000 บาท/1 กิโลวัตต์
ถ้าใครเข้าใจเรื่องการคำนวณต้นทุนและปัจจัยแวดล้อมมากขึ้นแล้ว และยังสนใจ Solar Rooftop อยู่ ถ้างั้นมาดูรูปแบบการติดตั้งกันต่อครับ
ระบบการติดตั้ง Solar Rooftop แบ่งได้กี่รูปแบบ
1. ระบบออนกริด (On-Grid System)
เป็นระบบการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่เปลี่ยนไฟฟ้ากระแสตรงที่ได้ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ ด้วยอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์ แล้วไปเชื่อมต่อเข้ากับระบบจำหน่ายไฟของการไฟฟ้านครหลวง (MEA) หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ทำให้ต้องขออนุญาตจากการไฟฟ้าก่อนถึงจะใช้ระบบนี้ได้ เหมาะกับอาคารที่ใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวัน มากที่สุด เพราะยิ่งผลิตไฟได้เองมากเท่าไร จะลดการใช้ไฟมากเท่านั้นเลยทำให้ประหยัดค่าไฟไปในตัว เป็นระบบ ที่นิยมใช้มากที่สุด
2. ระบบออฟกริด (Off-Grid System)
เป็นระบบที่ผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากการไฟฟ้านครหลวง (MEA) หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ก่อน เพราะแบบออฟกริดจะต้องมีแบตเตอรี่ในการสำรองไฟฟ้า สำหรับไว้ใช้ในตอนกลางคืน ซึ่งสามารถแยกหมวดย่อยลงไปได้อีกตามลักษณะแรงดันไฟฟ้าที่จะใช้งานว่าเป็นไฟฟ้ากระแสตรงหรือไฟฟ้ากระแสสลับ โดยต้องเลือกประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับแรงดันที่ใช้ เหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ห่างไกลที่ระบบ ของการไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง
3. ระบบไฮบริด (Hybrid System)
เป็นระบบที่นำเอาระบบออนกริดและออฟกริดมารวมกันโดยมีระบบสำรองไฟ ถ้าสถานที่ที่จะติดตั้งมีปัญหาเรื่อง ไฟตกบ่อย การใช้ระบบนี้ช่วยให้จัดการพลังงานไฟฟ้าภายในอาคารได้มีประสิทธิภาพกว่าระบบอื่น เมื่อไม่มีไฟ หรือ แสงอาทิตย์ให้ผลิตกระแสไฟฟ้า ระบบจะนำกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาใช้ก่อน หากไม่พอจึงจะดึงไฟฟ้าจาก ระบบจำหน่ายมาเพิ่ม ทว่าระบบสำรองไฟหรือตัวแบตเตอรี่ที่ใช้ยังมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้การติดตั้งโซล่าเซลล์ แบบนี้ไม่เหมาะกับบ้านเรือนทั่วไป เพราะอาจไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุนติดตั้ง
สุดท้ายนี้ ใครที่สนใจอยากติดตั้ง Solar Rooftop แต่ไม่รู้จะปรึกษาใครดี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและต้องเป็น องค์กรที่น่าเชื่อถือไว้วางใจได้และรับผิดชอบบ้านของเราได้เป็นอย่างดีเมื่อติดตั้งเสร็จ InnovatorX ขอแนะนำ “PEA SOLAR” เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าระบบออนกริดที่นิยมใช้นั้น จำเป็นต้อง ขออนุญาตจากการไฟฟ้า และทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA เองก็มีบริการติดตั้งในชื่อ PEA SOLAR ที่พร้อม ให้บริการด้าน Solar Rooftop ที่ต้องการให้ทุกคนเข้าถึงได้ในราคาที่คุ้มค่า มีมาตรฐาน ใช้งานอย่างปลอดภัย
PEA SOLAR มีทีมงานมืออาชีพที่จะไปให้บริการตรวจสอบหน้างานเพื่อประเมินการติดตั้ง พร้อมช่วยคำนวณขนาด ของ Solar Rooftop ที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้ไฟ ทั้งยังมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ Solar Rooftop ที่มีมาตรฐานตามที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกำหนด ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกตามความต้องการ
PEA SOLAR มีแพ็กเกจการติดตั้งที่เริ่มจากขนาด 3 กิโลวัตต์ ไปจนถึง 20 กิโลวัตต์ ด้วยค่า บริการเริ่มต้นที่ 123,000 บาท พร้อมทั้งการรับประกันที่ครอบคลุมอีก 3 รายการ คือ การรับประกัน อินเวอร์เตอร์ 10 ปี, การรับประกันคุณภาพแผงโซลาร์ 12 ปี และการรับประกันประสิทธิภาพแผงโซลาร์ 25 ปี
เพราะบ้านของเราเป็นสิ่งที่มากกว่าแค่ตัวอาคารแต่เป็นที่ที่สำคัญเป็นศูนย์รวมของสมาชิกในครอบครัว เพื่อคนที่ เรารักควรเลือกบริการ Solar Rooftop จากแบรนด์ที่เราไว้ใจเท่านั้น สินค้าประเภทนี้ไม่ควรดูแค่เรื่องราคาครับ เพื่อความปลอดภัยของทุกๆ สมาชิกภายในบ้าน
บริการครบวงจรในที่เดียว เรื่อง Solar พร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติมของบริการ PEA SOLAR คลิก https://peasolar.pea.co.th
เรียบเรียงโดยกองบรรณาธิการ InnovatorX lab
Comments